มันเริ่มจากความไม่ดี แต่บทสรุปกลับเป็นเรื่องดีอย่างไม่น่าเชื่อ
เรื่องคือว่า ปั๊มน้ำสำหรับใช้รดน้ำผัก และต้นไม้เกิดเสีย ใช้การไม่ได้ เพราะตัวปั๊มไม่ทำงานเนื่องจากหมดอายุการใช้งานแล้ว ผมจึงไปหาซื้อปั๊มแบบชักตัวใหม่ จากนั้นก็นำมาประกอบใช้กับมอเตอร์อันเก่า เพียงเท่านี้ก็ใช้การได้แล้ว
จากนั้นผมก็เร่งทำหลังคาให้้ปั๊มน้ำแบบลวกๆ เพราะยังไม่มีเวลาทำแบบของจริง นั่นคือนำเอากระสอบและพลาสติกมาคลุมปิดทัีบไว้ ซึ่งก็พอปิดบังแดดได้ดีเป็นที่น่าพอใจ แต่ตั้งใจว่าหากมีเวลาก็จะทำหลังคาแบบตัวจริงในภายหลัง
ขณะเดียวกันผมก็เห็นว่าเบรกเกอร์สำหรับเปิดปิดมันทำงานจ่ายไฟติดๆดับๆ ก็เลยจัดหามาเปลี่ยนใหม่เสียด้วยเลย แต่จากการพูดคุยกับพี่ก็ได้ข้อสรุปว่า เปลี่ยนไปใช้สะพานไฟก็ได้เหมือนกัน ผมจึงไปหาซื้อสะพานไฟมาจากร้านแถวบ้าน เป็นสะพานไฟตราช้าง ราคา 100 บาท ถ้วน(แพง?) จากนั้นก็เร่งรีบติดตั้งสะพานไฟ โดยใช้สายไฟเดิมที่เคยใช้กับเบรกเกอร์ คือ เส้นไหนไฟเข้า ก็คงทิศทางเดิม ผมทำแบบแข่งกับเวลามากอยู่เหมือนกัน จากนั้นทดสอบดู ก็เป็นอันว่าผ่าน คือ ปั๊มน้ำทำงาน ก็เป็นอันใช้ได้
หลังจากนั้นราว 2 วัน พี่ก็บอกว่า ปั๊มน้ำใช้การไม่ได้ มีฟิวส์เปลี่ยนใหม?
ผมก็เลยไปตรวจตราดู ก็เห็นว่าฟิวส์ขาด แต่พอดูในรายละเอียดก็พบว่า เกิดจากมอเตอร์หยุดหมุน เพราะมีกระสอบเข้าไปพันติดกับสายพาน ซึ่งน่าจะมาจากปัญหาสายพานที่ชำรุดแล้วมีเส้นด้ายหลุดร่อนออกมาบางส่วน ผมจึงจัดการแกะกระสอบออก แล้วก็ย้อนมาดูที่ฟิวส์ใหม่ ซึ่งละลายขาดไปแล้วเ้ส้นหนึ่ง พอผมไปเอาฟิวส์มาเปลี่ยน ผมก็เริ่มแปลกใจ..
เฮ้ย ทำไมบ้านเรามี ลวดฟิวส์ 2 ม้วนว่ะ พอดูให้ชัดๆขึ้น ก็พบว่าฟิวส์อันที่ขาดนั้นเป็นขดลวดบัดกรีต่างหาก ซึ่งการที่มันขาดง่ายอาจจะเป็นเพราะว่ามันมีจุดหลอมเหลวต่ำกว่าฟิวส์ทั่วไป(?)
แต่ก่อนที่ผมจะเปลี่ยนฟิวส์นั้น ก็เกิดอยากตรวจสอบรายละเอียดสะพานไฟ ผมทดลองปล่อยไฟเข้ามา แล้วก็ตรวจทิศทางไฟใหม่..ให้ตายเถอะ
ผมพบว่าสายไฟเข้าจากด้านล่างของสะพานไฟ ทั้งที่โดยหลักการแล้วไฟต้องเข้ามาจากด้านบนเท่านั้น เพราะสะพานไฟมีหน้าที่ตัดและปล่อยกระแสไฟฟ้า..ตายละหวา แล้วทำไมเผลอเรอต่อให้ไฟเข้าจากด้านล่างของสะพานไฟ...อันตรายจริงๆ
จากนั้นผมก็พยายามนึกตรองดูก็เห็นจริงว่า เกิดจากการที่แต่เดิมนั้นผมต่อไฟเข้าเบรกเกอร์ โดยกำหนดให้ไฟเข้าจากด้านล่าง ซึ่งพอโยกคันสวิทซ์ขึ้นบนแล้วไฟก็ครบวงจรทันที...แต่พอเปลี่ยนมาใช้สะพานไฟ โดยยังคงต่อไฟเหมือนเดิมทุกประการ จึงกลายเป็นเรื่องสะเพร่าที่ร้ายแรงมาก
เพราะเท่ากับว่าขณะที่ยกสะพานไฟลงมานั้น ระบบก็จะมีำไฟไหลไปจ่ออยู่ที่ตัวสะพานไฟตลอดเวลา และตัวสะพานไฟนั้นหากเรายกลงก็จะมีส่วนที่เปลือยอยู่...ดังนั้นหากใครเผลอเอามือไปแตะส่วนที่เปลือยนั้น เพราะนึกว่าสับสะพานไฟลงมาแล้ว หรือไปเปลี่ยนฟิวส์โดย...ไม่ตัดกระแสไฟฟ้า ก็จะเป็นอันตรายมาก
เรื่องราวร้ายๆที่เกิดขึ้นแบบบังเอิญ 3 เหตุการณ์ ที่ซ้อนตามหลังกันมานี้ คือ สายพานที่ชำรุดมีเ้ส้นด้ายหลุดออกมา นำไปสู่กระสอบเ้ข้าไปติดในตัวมอเตอร์ทำให้มันหยุดหมุน จากปัญหานี้ทำให้ฟิวส์ขาดง่าย(เพราะเป็นลวดบัดกรี?)
ถ้าหากว่าสายพานไม่ชำรุด กระสอบไม่เข้าไปในมอเตอร์ หากฟิวส์ไม่ขาด ผลร้ายที่น่ากลัวคือว่าขณะสับสวิทซ์ลงนั้น เท่ากับว่าไฟยังไปเลี้ยงส่วนที่เปลือยนั้น หากมีใครซื่อโดยสุจริตใจว่าปลอดภัยโดยหลักการหรือเกิดเผลอเรอไปจับหรือไปเปลี่ยนฟิวส์โดยเชื่อว่าปลอดภัยเพราะสับสวิทซ์ลงมาแล้ว เขาก็อาจได้รับอันตรายจากไฟฟ้าดูดได้...
ขอบคุณพี่ ที่ไม่พยายามเปลี่ยนฟิวส์ด้วยตัวเอง เพราะนึกว่าผมทำเป็นคนเดียว ขอบคุณที่สายพานเก่าชำรุด ขอบคุณที่กระสอบหลุดเข้าไปในมอเตอร์ (เพราะสายพานชำรุดหรือแรงลมพัดก็ตาม) ขอบคุณที่ลวดบัดกรีขาดละลายง่าย(หากเป็นฟิวส์ทั่วไปจะขาดไหม?) เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นแบบต่อเนื่องกันภายใน 2-3 วันมานี้ ทำให้ผมพบความผิดพลาดทั้งหมดได้ทันเวลา
เพราะหาไม่แล้ว อาจต้องมีคนไปเปลี่ยนฟิวส์แบบสับสวิทซ์ลงเพียงอย่างเดียว หรือไม่ก็ต้องมีคนไปเผลอจับตัวสวิทซ์ขณะมันอยู่ในตำแหน่งที่ปกติคิดว่าปลอดภัย..ซึ่งมันสุดแสนจะอันตราย
ขอบคุณทุกความบังเอิญ.. ขอบคุณทุกสิ่งที่ไม่ดี ที่สุดท้ายแล้วกลับช่วยปกป้องคุ้มครองราวกับเป็นสัญญาณแจ้งเตือนป้องกันเหตุร้าย และคุ้มครองป้องกันให้คนที่เรารัก-แม่ และพี่-มีชีวิตที่ปลอดภัยอยู่กับเราต่อไปอีกแสนนาน
ขอบคุณแรงกรรม กรรมวิบาก และอำนาจที่มองไม่เห็นที่ช่วยเหลือปกป้องคุ้มภัย
ความเร่งรีบ เผลอเรอ และความสะเพร่า เป็นความประมาทอย่างยิ่ง
ผมต้องยอมรับโดยดุษฎีว่า ความไม่ประมาท คือเกราะป้องกันภัยที่ดีที่สุดในโลก จริงๆ
ปล. ความบังเอิญอย่างต่อเนื่องเป็นชุดนี้ ชวนให้ผมนึกอยากทำบุญ สร้างกุศลกรรมให้มากที่สุด เท่าที่มนุษย์คนหนึ่งจะกระทำได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น