วันอาทิตย์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

จินตนาการ vs ประสบการณ์

ครั้งหนึ่ง ผมออกไปที่สวนเพื่อทำรั้วลวดหนาม วันนั้นออกไปคนเดียวเพราะว่าเป็นงานทั่วไปคือ ถางปรับพื้นที่เพื่อเตรียมแนวสำหรับขุดดินวางเสารั้่ว

แต่บังเอิญว่ามีอยู่จุดหนึ่ง(ซึ่งจำเป็นต้องขุดดินวางเสาลงที่ตำแหน่งนั้น) กลับมีท่อนตาลขนาดใหญ่วาง
อยู่ตามแนวขนานกับรั้ว มันเป็นท่อนตาลที่มีคนกลิ้งมาจากสวนฝั่งตรงข้ามนัยว่าปัดสวะให้พ้นตัวเอง(ให้รกพื้นที่คนอื่น) ซึ่งมันอาจเกิดจากเจตนาหรือไม่นั้นไม่สำคัญอีกต่อไป  เพราะบัดนี้ท่อนตาลขนาดเขื่องกำลังนอน ทอดตัวขวางแนวกำหนดทำรั้วของผมพอดี

ผมพยายามออกแรงผลักด้วยมือเปล่าก่อน เพื่อดูว่ามันหนักมากแค่ไหน พบว่ามันเขยื้อนไ้ด้น้อยมาก  จากนั้นก็กลิ้งกลับสู่ตำแหน่งเดิม  เพราะเหตุว่าพื้นที่ตรงจุดนั้นมันลาดเอียง  ทำให้มันไหลกลับมาสู่ตำแหน่งเดิมอีกครั้ง

จากนั้นผมก็พยายามใหม่... ด้วยการค่อยๆเขยื้อนให้มันเขยื้อนไปมา แล้วก็วางก้ิอนหินขวางทางเอาไว้ป้องกันไม่ให้มันไหลกลับ จากนั้นก็ออกแรงดันต่อ  มันก็ทำไม่ได้ เพราะมันมีน้ำหนักมากเกินคนเดียวจะกลิ้งได้  ผมลองใหม่...หาไม้ขนาดพอเหมาะมือมางัด แล้ววางก้อนหินขวางไม่ให้ไหลย้อนกลับ แล้วใช้ไม้คานงัด ปรากฏว่าไม้หัก ต้องหาอันใหม่มาใช้งานแทน  ผลที่เกิดขึ้นคือมันเอียงกระเท่เร่  เพราะจุดที่งัดไม่ได้สมดุลของแรง มันจึงย้ายออกจากตำแหน่งเดิมเพียงส่วนที่ออกแรงงัดเท่านั้น 

แต่เวลาในตอนนั้นตกเย็นมากแล้ว  ผมต้องรีบกลับก่อนจะมืดค่ำ ตั้งใจว่าพรุ่งนี้ จะมาย้ายมันใหม่ 
ผมจินตนาการวางแผนว่า มันต้องมีไม้คานงัด  ต้องมีไม้หมอนหรือก้อนหิน ต้องงัดที่จุดศูนย์กลางของแรง ฯลฯ ตามหลักการที่ควรจะเป็น ภายใต้เงื่อนไขว่าของเท่านี้ ทำเองคนเดียวก็ได้...เพราะพี่เก่ง และฉลาด
อิอิ

วันรุ่งขึ้นผมมาพร้อมกับชะแลง  และก้อนหินแถวๆนั้น ตามที่ได้จินตนาการวางแผนเอาไว้อย่างดิบดี
พอถึงเวลาผมก็เดินไปมาเพื่อสำรวจ รวมทั้งเตรียมพื้นที่ให้โล่งเตียนกว่าเิดิม  เพื่อป้องกันสัตว์ร้ายและหนามของเถาวัลย์เกี่ยวขณะทำการงัด จากนั้นก็ขึ้นไปยืนบนท่อนตาลเพราะมันน่ายืนและน่านั่ง  และก่อนที่ผมจะลงมือเพื่องัดตามจินตนาการและแผน ผมเผลอทดลองใช้ชะแลงแทงลงไปตรงๆบนท่อนตาลนั้น เพราะแรงดลใจบางอย่าง ผลปรากฏว่ามันเปื่อยยุ่ยอย่างง่ายดาย แทงทีเดียวทะลุไปอีกด้านของมันอย่างง่ายดาย... อ้าว เฮ้ย แบบนี้ก็ง่ายดิว่ะ ...ผมนึกดีใจ  

จากนั้นก็ใช้ชะแลงแทงผ่าท่อนตาลนั้นให้เป็นซีกเล็กๆ  โอ มันง่ายขนาดนี้เลยหรือ
วันนั้น ผมไม่ได้ใช้แผนการที่คิดจินตนาการมาเลย  อย่างเดียวที่มีประโยชน์ที่สุดตามแผนคือ ชะแลง

บทเรียนครั้งนี้ สอนให้ผมรู้ว่า บางครั้งความละเอียดรอบคอบในการ "สำรวจเป้าหมาย" เป็นเรื่อง "สำคัญที่สุด" เป็นสิ่งที่เราต้องทำความรู้จักมันโดยอาศัยการสังเกตรายละเอียด เพื่อทำความเข้าใจและรู้จักกับมันให้มากที่สุด คือเปลือกต้นตาลที่ดูแข็งแรง อาจล่อลวงให้เราคิดว่ามันแข็งไปหมดทั้งท่อน แต่ในความเป็นจริงนั้นเนื้อในเปื่อยยุ่ยมาก ในเรื่องนี้ผมพบว่าประสบการณ์สำคัญกว่าจินตนาการมาก

และเมื่อเราสำรวจโดยละเอียดที่สุดแล้ว เราก็สามารถจินตนาการและวางแผนจัดการมันอย่างเหมาะสม เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย อย่างมีประิสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุดได้...ไม่น่าเชื่อว่า คนเราจะตกม้าตาย เพราะมัวแต่จินตนาการวางแผนกับเรื่องที่แก้ปัญหาแบบง่ายๆ เพียงแค่แก่ประสบการณ์หรือช่างสังเกตสักหน่อย
(ก็คงทำนองว่า นักวิทยาศาสตร์นาซ่า ต้องกาีรทุ่มงบวิจัยเพื่อคิดค้นสร้าง ปากกาที่เขียนได้ในอวกาศ โดยที่ไม่มีปัญหาเรื่องน้ำหมึกไหลย้อนในสภาพไร้แรงโน้มถ่วงแล้วแม่บ้านคนหนึ่งก็โทรมาถามว่า "ดินสอ"ใช้ได้มะค่ะ)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น